คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

แผนที่มหาสารคามสู่สุรินทร์


ดู มหาสารคามสู่สุรินทร์ ในแผนที่ขนาดใหญ่กว่า

สวนดอกไม้ที่มมส.ค่ะ

My pictures

สุริวรรณ

เพลงที่ชอบ

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงสุนัขพันธุ์ เชา เชา

ความเป็นมา
เชาเชา มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศจีน เป็นพันธุ์ผสมระหว่าง มาสตีฟและชามอย ปัจจุบันเป็นที่นิยมไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย
ลักษณะนิสัย
เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาด มีการตัดสินใจที่ดี รักสงบและความอิสระ ที่สำคัญเชาเชาชอบวางท่าสุขุมเป็นผู้ดี มีความสามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ อารมณ์ดี รักอิสระและซื่อสัตย์มาก และชอบเล่นกับคนในครอบครัวมากกว่าคนแปลกหน้า
การดูแล
เรื่องของความสะอาด เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับสุนัขเชาเชา ผู้เลี้ยงควรหมั่นอาบน้ำให้บ่อยๆ เพราะเป็นเชาเชาเป็นสุนัขที่รักความสะอาดมาก การแปรงและหวีขนเป็นประจำเพื่อทำให้ขนดูสวยอยู่เสมอ และช่วยป้องกันไม่ให้ในบ้านไม่เต็มไปด้วยขน ที่เกิดจากการผลัดขนของสุนัข ในเรื่องของสุขภาพผู้เลี้ยงจะต้องมีเวลาพาเชาเชา ไปออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงยังต้องหมั่นดูและเรื่องสุขภาพผิวหนังของสุนัข เนื่องจากสุนัขเชาเชามีโรคประจำตัวคือผิวหนังอักเสบ มีน้ำเหลืองเยิ้ม กระดูกข้อต่อของช่วงขาไม่แข็งแรง และการม้วนกลับของหนังตา ทำให้ขนตากลับไปทิ่มแทงลูกตา แต่ก็สามารถแก้ไขโดยการผ่าตัด

การเลี้ยง Jack Russell Terrier


สุนัขพันธุ์ แจ็ค รัสเซลล์ เทอร์เรีย
ผู้ที่ต้องการเลี้ยง Jack Russell Terrier ควรมีคุณสมบัติดังนี้
1. Jack Russell Terrier เป็นสุนัขตื่นตัวตลอดเวลา มันควรได้รับการออกกำลังกายอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรอยู่ในความควบคุมดูแลและควรได้รับการฝึกสอนจากเจ้าของหรือฝึก
2. Jack Russell Terrier เป็นสุนัขที่ต้องการการเอาใจใส่ดูแลและเวลาจากเจ้าของอย่างมาก เนื่องจากเป็นสุนัขที่ชอบเข้าสังคมและขี้เล่น
3. ผู้เลี้ยง Jack Russell Terrier ควรจัดระบบการเลี้ยงให้ถูกต้อง เช่นต้องมีรั้วรอบขอบชิด เพราะ สามารถกระโดดได้สูงมาก รวมถึงปีนป่าย แม้กระทั่งขุดรูเพื่อหนีเที่ยวถ้ามันรู้สึกเบื่อหรืออยากหาอะไรสนุกตื่นเต้นทำ
4. เพื่อความปลอดภัยของสุนัข ผู้เลี้ยง Jack Russell Terrier ควรจะใช้สายจูงตลอดเวลาที่พาไปเดินเล่น เนื่องจาก Jack Russell Terrier เป็นสุนัขที่มีความรวดเร็วและคล่องตัวสูงมาก

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

มารู้จักไก่แจ้กันค่ะ


ไก่แจ้ไทย
ตัวผู้ หนา หงอน - เหนียง - ติ่งหู สีแดงสด ใบหงอนมีเม็ดทรายหรือพื้นกำมะหยี่ ตาสีส้มปนแดง หรือสีเหลืองส้ม จงอยปากสีขาว หรือเหลือง หรือดำอมเหลือง ขนหัว - สร้อยคอ - ระย้าเป็นสีขาวไม่มีสีดำปน ขนหลังและหัวปีกทั้ง 2 ข้าง สีดำเหลือบเขียวปีกแมลงทับ ตรงสาบปีกที่เป็นรูปสามเหลี่ยมเป็นสีขาวนวล ขนอก - ใต้ท้องเป็นสีดำ ขนหางทั้งหมดตั้งแต่เครื่องคลุม หางพัด หางชัย เป็นสีดำเหลือบเขียวปีกแมลงทับ บัวหงาย (ขนอุย) สีดำ แข้ง - นิ้ว - เล็บ เป็นสีขาวนวลหรือสีเหลืองหรือสีเหลืองอมเขียว
ตัวเมีย ขนตั้งแต่หัวถึงสร้อยคอจะเข้ม เป็นเทาอมน้ำตาล ใต้คอ - หน้า - อก ถึงใต้ท้องเป็นสีครีมนวลส่วนสีตัวถึงเครื่องคลุมจะเป็นสีน้ำตาลดดำ ใบหางพัดทั้งหมดเป็นสีดำน้ำตาล แข้ง - นิ้ว -เล็บเป็นสีขาวนวลหรือสีเหลือง หรือเหลืองอมเขียว
หมายเหตุ ตัวเมียสีลายนกกระจอก สีขนทั้งตัวจะเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองใบขนตั้งแต่ถึงใต้คางจะเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม หน้าอกถึงใต้ท้องเป็นสีน้ำตาลแดง สร้อยคอเป็นสีน้ำตาลอมเหลืองขลิบขอบด้วยสีน้ำตาลอมดำ สวยงามมาก ส่วนสีตั้งแต่หัวปีกจนถึงโคนหาง ใบขนแต่ละใบคล้ายๆ เกล็ดปลา คือใบขนหางคลุมเป็นสีน้ำตาล ก้านขนและขอบขนเป็นสีครีมซึ่งเป็นจุดเด่นประจำตัว ปีก 2 ข้าง เป็ฯสีน้ำตาลมีลายเหลืองอมเขียว สีเขียวและสีเขียวอมเทา
ตัวเมีย สีลายนกกระจอก เป็นสีไก่แจ้ตัวเมียที่นิยมเลี้ยงอีกสีหนึ่ง ถ้าต้องการตัวเมียสีนี้ต้องผสมกับตัวผู้สีไก่ป่าเข้ม แต่ถ้านำตัวเมีย สีลายนกกระจอก ผสมกับตัวผู้สีไก่ป่าเหลือง ลูกออกมาเป็นตัวเมียสีจะกลับกลายเป็นสีไก่ป่าตัวเมีย ถ้าลูกเป็นตัวผู้ส่วนใหญ่จะเป็นสีไก่ป่าเข้ม จะได้เป็นสีไก่ป่าเหลืองน้อยมาก

การเลี้ยงไก่ฟ้า


ข้อพิจารณาก่อนคิดจะเลี้ยงไก่ฟ้า
การเลี้ยงไก่ฟ้า จำเป็นต้องให้การดูแลเอาใจใส่ใกล้ชิดเป็นประจำทุกวัน ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัย น้ำ อาหาร และการสุขาภิบาล ไม่ใช่เลี้ยงแล้วปล่อยทิ้งขว้างไม่ดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร ทำให้สัตว์อยู่ไม่สุขสบาย อาจเป็นการทรมานสัตว์และสร้างความเสียหายแก่ผู้เลี้ยงและผู้พบเห็น ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจเลี้ยงไก่ฟ้า ไม่ว่าจะเพื่องานอดิเรกหรือทำเป็นอาชีพก็ตาม ต้องมีใจรักสัตว์และต้องศึกษาถึงปัญหาต่างๆ ในการเลี้ยง วิธีการคัดเลือกพันธุ์ รวมทั้งการมีสภาพพื้นที่ที่เหมาะสม มีเงินทุนหมุนเวียนมากพอไม่ให้เกิดปัญหา ยกตัวอย่าง เช่น ไก่ฟ้าหลังขาว มีต้นทุนการผลิตไข่ฟองละ 181 บาท ลูกไก่อายุ 1 วัน ตัวละ 468 บาท และไก่ฟ้าโตเต็มวัย ตัวละ 2,302 บาท เป็นต้น
ปัญหาและอุปสรรคในการเลี้ยงไก่ฟ้า
1. การเลี้ยงไก่ฟ้าต่างจากการเลี้ยงสัตว์ปีกอื่นๆ คือ ต้องเลี้ยงบนพื้นดินและมีเนื้อที่มากกว่า เพื่อให้ดูสวยงามและถูกลักษณะ และไม่สามารถเลี้ยงปล่อยได้ ไก่ฟ้าบางชนิดตัวผู้ดุมาก มักตีตัวเมียตายบ่อยๆ เช่น ไก่ฟ้าหน้าเขียว ไก่ฟ้าบางชนิดมีเสียงร้องดัง เช่น นกยูง นกหว้า ซึ่งอาจมีปัญหากับเพื่อนบ้านได้
2. ไก่ฟ้า เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างมีราคาสูง ดังนั้น จึงจำกัดเฉพาะผู้ที่มีรายได้มากพอสมควร
3. ไก่ฟ้า เป็นสัตว์ที่หาซื้อยาก ขายยาก เพราะเนื่องจากการเลี้ยงยังไม่แพร่หลาย ไก่ฟ้าไม่มีขายตามท้องตลาดทั่วไป บางท่านต้องการเลี้ยงแต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน นอกจากจะรู้จักผู้เลี้ยงโดยตรงหรือรู้จากแหล่งพ่อแม่พันธุ์ของส่วนราชการ ได้แก่ สถานีวิจัยการเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช อีกทั้ง กฎระเบียบการซื้อขายก็ยังไม่ชัดเจน ทำให้เกิดปัญหาขาดพ่อแม่พันธุ์ จากการที่มีพ่อแม่พันธุ์น้อยทำให้ปัญหาที่ตามมาคือ การผสมเลือดชิดเนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น
4. การเลี้ยงไก่ฟ้าต้องอาศัยเทคนิค ความรู้และประสบการณ์ ปัญหาในระหว่างการเลี้ยงเกิดขึ้นเสมอ ดังนั้น ผู้เลี้ยงต้องขวนขวายหาความรู้สร้างทักษะมากพอสมควร ประกอบกับตำราที่จะค้นคว้าค่อนข้างมีน้อย ส่วนใหญ่จะเป็นภาษาต่างประเทศ จึงมักจะใช้วิธีถามจากผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน
5. ปัญหาด้านกฎหมาย ถึงแม้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 จะอนุญาตให้เพาะเลี้ยงไก่ฟ้าได้ แต่ในทางปฏิบัติ ยังมีเงื่อนไข กฎระเบียบต่างๆ อีกมากมาย ผู้เลี้ยงจึงต้องแน่ใจได้ว่าจะสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบนั้นๆ ได้อย่างเคร่งครัด

การเลี้ยงบูลด็อก


หลักในการเลี้ยงบูลด็อก
ความเข้ากันได้กับสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
โดยมากแล้วสุนัขพันธุ์บูลด็อกพอจะเข้ากับสุนัขอื่นๆได้ แต่จะมีเป็นบางตัวที่ไม่ค่อยเต็มใจจะ อยู่ร่วม บ้านกับสัตว์อื่นๆ คุณควรฝึกให้สุนัข พันธุ์บูลด็อกได้รู้จักแมวและสัตว์อื่นตั้งแต่สุนัข อายุยังน้อยอยู่
ความต้องการการเอาใจใส่ดูแล
ก่อนตัดสินใจซื้อสุนัขสักตัว คุณควรศึกษาทำความ เข้าใจเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์นั้นก่อน สุนัข พันธุ์บูลด็อก มีขนสั้นดังนั้นจึงค่อนข้างสะอาด คุณควรทำ ความสะอาดรอยย่นบนหน้าของเขา เป็นประจำทุกวัน โดยใช้สำลีสะอาดเช็ดให้แห้ง ทาวาสลีนปีโตรเลียม เจลลีแล้วเช็ดออก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิด รอยคราบน้ำตาและป้องกันการเสียดสีดูแลบริเวณใต้หางเขา ด้วยวิธีการเดียวกันนี้ถ้ามีรอยคราบนิดหน่อยบริเวณจมูกก็ไม่เป็นไร มันจะช่วยให้จมูกชุ่ม ชื้น ไม่แห้ง คอยดูเล็บเท้าเขาทุกอาทิตย์ หากเห็นว่ายาวเกินไป ก็ให้เล็มออก การแปรงขน ให้เขาประจำทุกวัน สักวันละ 5 นาที เช็ดขนเขาด้วยผ้าหมาดนุ่มๆจะทำให้ขนเขาสวยและดูดี ห้ามให้กระดูกเขาถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงกระดูกชิ้นเล็กๆ เพราะมันอาจไปทิ่มในลำคอได้ และ เตรียมน้ำสะอาดไว้ให้เขาตลอดเวลาควรพาเขาไปเดินเล่นสักรอบเพื่อให้เขาได้ออกกำลัง กายอย่างเพียงพอ ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นช่วงเช้า หรือเย็นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เขาร้อน
เกินไปจน ไม่สบายตัว
ข้อควรจำ
สภาพอากาศที่ร้อนอาจทำให้สุนัขพันธุ์บูลด็อกถึงตายได้ ไม่ต้องให้เขาออกกำลังกายหนัก มากแต่ก็ต้องให้เขาออกกำลังกายตามสมควรเพื่อให้เขามีกล้ามเนื้อยังแข็งแรงอยู่

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงปลาอโรวาน่า


การเลี้ยงปลาอโรวาน่า
การเลี้ยงปลาให้โตเร็วมีปัจจัยสำคัญดังนี้

1. อาหาร อาหาร ควรเลือกอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะคุณค่าทางโปรตีนและแคลเซียมซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของปลาโดยตรง ดังนั้นการให้อาหารโดยลูกกุ้งเป็น ๆ ดูจะให้ผลดีที่สุด การให้อาหารด้วยลูกปลาเป็น ๆ ก็มิใช่ว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยเสมอไป เพราะถ้าลูกปลาที่นำมาเป็นอาหารเกิดเป็นโรคระบาดหรือติดเชื้อ ก็อาจทำให้เชื้อโรคมาระบาดในตู้ปลาได้เช่นกัน โดยเฉพาะโรคเห็บ หนอนสมอรวมทั้งโรคครีบเน่าเปื่อย ดังนั้นจึงควรตรวจสอบดูสภาพของลูกปลาก่อนที่จะนำมาเป็นอาหารสำหรับปลาอโรวาน่าเพื่อความปลอดภัย
2. อากาศ อากาศ ดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่าอากาศช่วยให้ปลามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ เมื่อปลามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ปลาก็จะกินเก่งและโตเร็ว ดังนั้นภายในตู้ปลาจึงควรเปิดเครื่องปั๊มออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่าภายในตู้มีอากาศเพียงพอสำหรับปลาเพื่อหายใจ
3. น้ำ ความสัมพันธ์ของน้ำที่มีต่อปลาได้อธิบายแล้วในหัวข้อข้างต้นดังนั้นวิธีปฏิบัติที่จะให้ผลดีก็คือท่านควรเปลี่ยนถ่ายน้ำในตู้ทุกเดือน เดือนละ 1-2 ครั้ง โดยการเปลี่ยนถ่ายน้ำในแต่ละครั้งไม่เกิน 20-30เปอร์เซ็นต์ จะสังเกตได้ว่าภายหลังจากที่มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำปลาจะรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
4. อุณหภูมิ การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของปลา เพราะถ้าอุณหภูมิของน้ำต่ำเกินไปปลาจะไม่ค่อยยอมกินอาหารและไม่ค่อยว่า ดังนั้นจึงควรรักษาอุณหภูมิของน้ำภายในตู้ปลาให้คงที่สม่ำเสมอ โดยการเปิดไฟตู้ปลา(ควรใช้หลอดเทียมแสงอาทิตย์)ไว้ตลอดเวลาเพื่อรักษา อุณหภูมิของน้ำเพื่อปลาจะได้รู้สึกเป็นปกติ
5. สภาพแวดล้อม ถ้าหากปลาถูกเลี้ยงไว้ในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากเท่าไหร่ ปลาย่อมจะกินเก่งและโตวัยเท่านั้น เนื่องจากปลาไม่ตื่นที่ ปลาที่ตื่นตกใจบ่อยจะไม่ค่อยยอมกินอาหาร ดังนั้นในการเลี้ยงปลาจึงควรหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะทำให้ปลาตกใจ
6.โรคภัย โรคภัยที่มาเบียดเบียนปลานับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ปลาหยุดชะงักการเจริญเติบโต มีอยู่บ่อยครั้งที่ปลาดี ๆ สวย ๆ ต้องหยุดการเจริญเติบโตเนื่องจากถูกโรคภัยเบียดเบียน ดังนั้นจึงควรป้องกันไม่ให้ปลาป่วยเป็นโรคเป็นดีที่สุด ***

การเลี้ยงเต่าญี่ปุ่น


การเลี้ยงเต่าญี่ปุ่น
เต่าญี่ปุ่นเป็นเต่าที่กินทั้งพืชและสัตว์เป็นอาหาร ในขณะที่ยังเป็นเด็กจะต้องการเนื้อสัตว์เป็นอาหารมากกว่าพืชในอัตราส่วนเนื้อสัตว์ร้อยละ70 พืชร้อยละ30 แต่เมื่อโตขึ้นเต่าญี่ปุ่น บริโภคพืชเป็นส่วนใหญ่ ในอัตราส่วน พืชร้อยละ90 เนื้อสัตว์ร้อยละ10 เต่าญี่ปุ่นที่เราเลี้ยงส่วนมากจะซื้อมาตั้งแต่เต่ายังเล็ก ก็ควรให้อาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ อาทิเช่น กุ้งฝอย เนื้อปลา หนอนนก หนอนแดง ไส้เดือน ฯลฯ รวมถึงอาหารปลา อาหารเต่าสำเร็จรูปต่างๆด้วย ไม่ควรให้อย่างเดียวชนิดเดียวตลอด ควรให้หลายอย่างสลับสับเปลี่ยนคละเคล้ากันไป พวกพืชก็ให้ได้หลากหลาย ผักบุ้ง ผักกาด คะน้า กวางตุ้ง ตำลึง ใบผักตบชวา ฯลฯ
โดยนิสัยเต่าญี่ปุ่นจะกินในน้ำเป็นหลัก (แต่ก็สามารถงับอาหารบนบกได้) ดังนั้นก็ใส่อาหารลงไปในน้ำได้เลย

เนื่องจากเต่าญี่ปุ่นเป็นเต่าน้ำ (เต่าชายน้ำ) อาศัยอยู่ในน้ำ กินอยู่ขับถ่ายก็กระทำในน้ำ ดังนั้นจึงควรรักษาความสะอาดน้ำในที่เลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ

การเลี้ยงกระรอกบิน


การเลี้ยงลูกกระรอกบิน..
ลูกกระรอกจะเลี้ยงค่อนข้างยากเนื่องจาก ผู้ขายมักจะนำมาจากแม่ในธรรมชาติ มากกว่าที่จะมีการเพาะเลี้ยงได้เอง ดังนั้นจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพพอสมควร เพราะไม่ได้รับน้ำนมจากแม่มาอย่างเพียงพอ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เลี้ยงกระรอกที่เล็กเกินไป ลูกกระรอกที่ยังไม่ลืมตาต้องมีการกระตุ้นให้ตาเปิดโดยใช้สำลี ชุบน้ำหมาดเช็ดที่ตามทุกวัน นอกจากนี้ต้องเช็ดที่ก้นด้วยเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย
อาหารลูกกระรอกบิน ..
ลูกกระรอกที่ยังไม่หย่านมจำเป็นต้องกินน้ำนม น้ำนมส่วนใหญ่ที่ให้กินจะเป็นนมผงสำหรับเด็กแรกเกิด หรือนมผงสำหรับเลี้ยงลูกสุนัข หรือกระต่าย หรือหนู นอกจากนี้อาจให้เป็นนมถั่วเหลืองได้ สำหรับนมวัวไม่แนะนำให้ใช้ เพราะมักจะเป็นสาเหตุให้กระรอกท้องเสียได้ เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลที่ลูกกระรอกไม่สามารถย่อยได้มาก การชงนม ต้องชงใหม่ทุกครั้ง และไม่ให้นมที่ร้อนเกินไปแก่ลูกกระรอก การชงนมไม่ควรให้เข้มข้นเกินไปเพราะจะกินยาก และทำให้เกิดการท้องอืด หรือท้องเสียได้
ที่อยู่ของลูกกระรอกบิน ..
ลูกกระรอกต้องการความอบอุ่นมากกว่ากระรอกโต ดังนั้นที่อยู่ของมันควรจะปราศจากลมพัด อากาศอบอุ่น ควรมีการตั้งหลอดไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ลูกกระรอก มีผ้าเพื่อให้ลูกกระรอกซุกตัว และปลอดภัยจากสัตว์อื่นรวมทั้ง เด็กที่อาจจะเข้ามารบกวน และอันตรายแก่ลูกกระรอกได้


วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงหนูแกสบี้


การเลี้ยงหนูแกสบี้
มาทำความรู้จักกัน กับหนูแกสบี้ (thaihamsteronline)
หนูแกสบี้เป็นสัตว์ที่สวยงาม และก็ยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอีกด้วย อาจเป็นเพราะว่า สีต่างๆ และสายพันธุ์ต่างๆ มีความสวยงามเป็นลักษณะเฉพาะ ซึ่งหนูแกสบี้นั้นมีสีหลากหลายสี และ สายพันธุ์ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ขนสั้น ขนยาว หรือ แม้กระทั่งขนหยิก
สำหรับนิสัยของหนูแกสบี้เป็นสัตว์ที่เชื่อง จะมีหนูแกสบี้ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีนิสัยก้าวร้าว แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะสิ่งต่างๆ นั้นสามารถฝึกฝนกันได้ หนูแกสบี้เป็นสัตว์ที่สามารถฝึกได้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกชื่อแล้วเดินมาหา หรือ การฝึกให้มีการอึหรือถ่าย ในสถานที่ๆ เราจัดเตรียมไว้ได้
อาหารหนูแกสบี้
อาหารที่ดีจะสามารถช่วยให้หนูแกสบี้ มีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ ซึ่งอาหารของหนูแกสบี้มีทั้งแบบสำเร็จรูปโดยส่วนมากจะอยู่ในรูปของอาหารเม็ด
ส่วนอาหารจำพวก พืช-ผัก เป็นอาหารที่มีคุณค่าและจำเป็นเป็นอย่างมากสำหรับหนูแกสบี้ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้ว
หนู แกสบี้เป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับกระต่าย คือ จะหากินหญ้าอ่อนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ ผู้เลี้ยงอาจเลือกอาหารจำพวกผัก หญ้า อาจจะเป็นหญ้าแห้ง หรือหญ้าสดก็ได้ เพราะล้วนแต่มีคุณค่า และสารอาหารต่อหนูแกสบี้เหมือนกัน โดยหญ้าสดจะช่วยในการขับถ่าย และการย่อยอาหารได้ ส่วนหญ้าแห้งก็ช่วยให้หนูแกสบี้ไม่กัดกินขนตัวเอง โดยจะแทะ หรือกินหญ้า แทน


การเลี้ยงชิวาวา


ปัจจัยสำคัญของการเลี้ยงน้องชิ
1. สถานที่
ผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขควรจะมีสถานที่หรือบริเวณพอที่สุนัขสามารถจะวิ่งเล่นออกกำลังกายได้บ้าง และจัดเป็นสัดส่วนเพื่อปกป้องข้าวของของผู้เลี้ยงเสียหาย เช่น การกัดแทะ การเยี่ยวรดสิ่งของ การอุจจาระไม่เป็นที่เป็นทาง และการลักขโมยของกิน
2. ความพร้อมของเจ้าของ
เมื่อคิดจะเลี้ยงสุนัขแล้ว เจ้าของทุกๆ ท่านจะต้องมีเวลาให้กับน้องชิด้วย ซึ่งจะเกี่ยวพันถึงความพร้อมของสถานที่ด้วย ถ้าหากไม่มีพื้นที่ถ้าจะให้น้องชิของเราได้วิ่งเล่น ถ้าหากมีความต้องการอยากจะเลี้ยงจริงๆ ก็ต้องมีการจัดแจงเวลาให้เหมาะสม เช่นการพาน้องชิออกไปวิ่งเล่นตามสวนสาธารณะต่างๆ
3. ความรัก
ผู้ที่คิดจะเลี้ยงน้องชิ จะต้องมีความรัก ความจริงใจและเสมอต้นเสมอปลายให้กับน้องชิด้วย บางคนได้ลูกสุนัขมาเลี้ยงเพราะความน่ารัก ในขณะที่ยังเป็นลูกสุนัขจึงนำมาเลี้ยง แต่พอสุนัขเริ่มโตขึ้น ความน่ารักที่ได้มาเหล่านั้นหายไป จึงควรให้ความรัก ความเอ็นดูความจริงใจกับสุนัขอย่างเสมอต้นเสมอปลายด้วย
4. ความเอาใจใส่
การเลี้ยงน้องชิจะทำให้ต้องมีภาระเพิ่มขึ้น เช่น ต้องเช็ครอยเท้าที่สกปรกตามพื้นบ้าน ต้องแปรงขน อาบน้ำให้ คอยกำจัดเห็บที่รบกวน หรือต้องคอยสนใจสังเกตว่า น้องชินั้นมีสุขภาพอย่างไร

การเลี้ยงปลาคาร์ฟ


การเลี้ยงปลาคาร์ฟ
วิธีเลี้ยงปลาคาร์ฟ ->
ควรเริ่มต้นด้วยการขุดบ่อขนาด 80 x 120 ลึก 50 เซนติเมตร มีสะดือที่ก้นบ่อขนาด 1 x 2 ฟุต ลึกประมาณ 4-6 นิ้ว เพื่อไว้เป็นที่เก็บขี้ปลาและสิ่งสกปรก และติดตั้งระบบถ่ายเทน้ำเสียเพื่อช่วยให้น้ำในบ่อสะอาดอยู่ตลอดเวลาด้วย
บ่อที่จะใช้เลี้ยงปลาคาร์ฟ ->
ควรเป็นบ่อซีเมนต์เพราะสามารถดัดแปลงเป็นบ่อธรรมชาติได้ง่าย มีตะใคร่น้ำเกิดและเกาะได้เร็ว และบ่อนี้ควรจะตั้งอยู่ในที่มีร่มเงาต้นไม้ใหญ่ได้ร่มรื่นพอควร อย่าให้อยู่กลางแจ้งเพราะจะทำให้ปลามีสัสันที่จืดจางลง และยังโตช้าลงไปอีกด้วย
น้ำที่ใช้เลี้ยงปลาคาร์ฟ ->
ควรเป็นน้ำประปาจะดีกว่าน้ำชนิดอื่น เพราะน้ำประปามีสภาพเป็นกลาง ถ้าใช้น้ำฝนจะทำลายสีของปลาและปลาอาจเกิดโรคได้ง่าย
อาหารที่ปลาคาร์ฟชอบ ->
คือ เนื้อปลาป่น กุ้งสดบด เนื้อหอย เนื้อปู ปลาหมึก ข้าวสาลี รำ ผักกาด ข้าวโพด แมลง สาหร่าย ตะใคร่น้ำ แหน ลูกน้ำ หนอนแดง ถั่วเหลือง ขนมปัง และอาหารสำเร็จรูปที่มีขายตามท้องตลาด
การเปลี่ยนน้ำ ->
เมื่อสังเกตเห็นน้ำในบ่อเริ่มขุ่นและมีสิ่งสกปรกมาก ต้องรีบเปลี่ยนน้ำทันที และขณะที่ถ่ายน้ำ ออก 1 ใน 3 ส่วนของบ่อจะต้องเพิ่มน้ำใหม่แทนในปริมาณเท่าเดิมโดยใช้น้ำประปาที่เก็บไว้ประมาณ 2-3 วันหลังจากที่คอรีนระเหยแล้ว อย่าใช้น้ำประปาที่รองจากก๊อกใหม่ๆ หรือน้ำประปาที่เก็บไว้นานเพราะจะเกิดอันตรายต่อปลาได้
การรักษาระดับอุณหภูมิน้ำในบ่อ ->
ควรรักษาระดับอุหภูมิของน้ำในบ่อ ให้อยู่ในระดับ 20-25 องศาเซ็นติเกรด หากร้อนจัดหรือเย็นจัด จะทำให้ปลาเติบตอย่างเชื่องช้า
การเพาะพันธุ์ปลาคาร์ฟ ->
การเพาะพันธุ์ปลาคาร์ฟ ต้องเริ่มจากการคัดเลือกพันธุ์พ่อ พันธุ์แม่ที่ดีก่อน ทั้งนี้ เพื่อจะได้ลูกปลาที่ดีและแข็งแรง

การเลี้ยงปลาทอง


การเลี้ยงปลาทอง
อาหารเร่งสี

สีของปลาทองเกิดจากเซลล์เม็ดสีในชั้นผิวหนังผลิตสารคาร์โรตินอยล์ขึ้นมาถ้าผิวหนังมีสารคาร์โรตินอยล์มากก็จะทำให้ปลามีสีสดใสและเข็มสารคาร์โรตินอยล์ชนิดแอสตาแซนธินทำให้ปลามีสีแดงหรือสีเหลืองปัจจุบันมีการใช้สารแอสตาแซนธินผสมในอาหารเพื่อให้ปลามีสีแดง และมีการใช้สาหร่าย สไปรูลิน่า ผสมในอาหารปลาเพื่อเพิ่มความเข้มของสีแดงส้ม หรือเหลืองในตัวปลาอาหารสำเร็จรูปส่วนใหญ่มีสไปรูลิน่าผสมอยู่ไม่เกิน 10% ทำให้มีสีเขียว
อาหารที่ผสมสารเร่งสีโดยมากจะใช้เลี้ยงปลาทองที่มีอายุประมาณ 3 สัปดาห์ โดยให้กินมื้อเช้า ส่วนมื้อเย็นก็ให้อาหารที่มีชีวิตมื้อที่มีโปรตีนสูง

การเปลี่ยนถ่ายน้ำ
แม้ระบบกรองน้ำจะสามารถกำจัดของเสียที่เกิดขึ้นภายในตู้ปลาได้ก็ตาม แต่คุณภาพน้ำก็ยังคงลดลงอยู่ดี วิธีรักษาคุณภาพน้ำให้ดีอยู่เสมอไม่มีวิธีใดดีไปกว่าการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ปกติการเลี้ยงปลาในตู้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกระยะ 1-2 สัปดาห์ หรือถ้าสังเกตเห็นเริ่มมีสีเหลืองหรือสีน้ำตาลอ่อนที่เรียกว่า "น้ำแก่" แสดงว่ามีแร่ธาตุหรือสารต่าง ๆ ละลายปนอยู่ในน้ำมากเกินกว่าปกติ หรือกระจกข้างตู้มีรอยครบตะไคร่น้ำจับ แสดงว่าคุณภาพน้ำในตู้ไม่เหมาะกับการเลี้ยง
การเพาะพันธุ์ปลาทอง
คนเลี้ยงปลาทองส่วนใหญ่จะเลี้ยงดูเล่นเพื่อความเพลิดเพลินไม่ได้คิดจะเพาะพันธุ์ แต่ปลาทองที่เลี้ยงไว้อาจเพาะพันธุ์กันเอง เกิดปัญหากับคนเลี้ยงว่าจะทำอย่างไรกับไข่และลูกปลาที่ออกมา ถ้าได้รู้เรื่องการเพาะพันธุ์ปลาทองไว้บ้างปัญหาเหล่าน้ำก็จะหมดไป หรืออยากจะลองเพาะพันธุ์ดูบ้างก็สามารถทำได้ลาและจะต้องทำการเปลี่ยนน้ำทันที



การเลี้ยงนกแก้ว


การเลี้ยงนกแก้ว
ที่อยู่อาศัยและวิธีเลี้ยง
1. เลี้ยงโดยให้เกาะอยู่บนคอน ขาตั้งและคอนสำหรับนกแก้วนั้น จะทำให้นกรู้สึกอิสระและออกกำลังกายได้สะดวก คอนควร ทำด้วยวัสดุเนื้อแข็ง ถ้าคอนเป็นไม้ปลายทั้งสองควรหุ้มด้วยโลหะ มิฉะนั้นนกจะฉีกแทะเล่น ในกรณีที่นกยังไม่เชื่องพอ ควรใช้กำไลสวมข้อเท้าซึ่งติดกับโซ่สวมไว้ก่อน และควรขลิบปีก เสียข้างหนึ่งเพื่อป้องกันนกบินหนี บริเวณขนที่จะต้องตัดออกคือขนปีกชั้นที่ 1 ทั้ง 5 โดย ขลิบออกประมาณ 1 นิ้ว
2. เลี้ยงด้วยกรงภายใน ในกรณีที่นกแก้วเป็นนกรูปร่างเล็ก ขนาดของกรงโดยทั่วไปแล้วไม่ควรมีขนาดกว้างสูง ต่ำ กว่า 2x3 ฟุต ขนาดของกรงนั้นจะเหมาะสมกับนกหรือไม่สังเกตุได้จากเมื่อนกเกาะอยู่กลาง กรง หากนกมีโอกาสกางปีกออกได้สะดวก โดยไม่ติดกับกรงหรือคอน ก็จัดได้ว่ามีความพอดี
3. เลี้ยงด้วยกรงภายนอก การเลี้ยงนกแก้วด้วยกรงภายนอกนั้นเป็นการดียิ่งสำหรับสุขภาพนก เพราะนกได้อยู่กับสิ่งแวด ล้อมคล้ายกับถิ่นเดิม อากาศโปร่งบริสุทธิ์ นกออกกำลังกายได้ตลอดเวลาแต่ต้องคำนึงถึงแสง แดดและฝน อย่าให้โดนมากเกินไป

อาหารทั่วไปสำหรับเลี้ยงนกแยกออกเป็นชนิดต่างๆได้ดังนี้
1. เมล็ดข้าวชนิดต่างๆ ซึ่งมีส่วนผสมของเมล็ดทานตะวัน, ข้าวโอ๊ท, ข้าวสาลี, เมล็ดกัญชา, เมล็ดข้าวโพด, ถั่วลิสง, และเมล็ดข้าวอื่นๆที่กระเทาะเปลือกแล้ว
2. ผลไม้ต่างๆ เช่น แอ๊ปเปิ้ล, กล้วย, องุ่น, ส้ม และผมไม้มุกชนิด
3. อาหารจำพวกผักสด เช่น หัวมันเทศ, หัวผักกาด, หัวแคร์รอท, ผักโขม, หรือผักจำพวกกระหล่ำปลี, และผักในสวนครัวชนิดอื่นๆ
4. กระดองปลาหมึก, ทราย

การเลี้ยงเม่นแคระ


การเลี้ยงเม่นแคระ
การเลี้ยงดู
ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงเม่นแคระในประเทศไทย มักจะเลี้ยงเม่นแคระกันในกล่องพลาสติกทึบแสง ที่มีขายกันอยู่ตามท้องตลาดทั่วไปๆ ขนาดพอประมาณ นำมาดัดแปลงกันเอาเอง ทั้งการเจาะรูด้านข้างด้วยสว่านเจาะ หรือการเจาะเป็นช่องแล้วนำตาข่ายมาติดด้วยน็อต หรือไม่ก็ใช้กาวแท่งร่วมกับปืนกาว ช่วยในการยึดติดตาข่าย เพื่อการระบายอาหารภายในกล่องเลี้ยงเม่นแคระ โดย 1 กล่องควรจะเลี้ยงเม่นแคระ แค่ตัวเดียวเท่านั้น เพื่อป้องกันการกัดกัน และการผสมพันธุ์กันก่อนวัยที่เหมาะสมของเม่นแคระ ซึ่งเป็นอันตรายทั้งตัวลูกและแม่เม่นแคระเอง
อุปกรณ์สำหรับการเลี้ยง
- ถ้วยสำหรับใส่อาหาร
- ขวดน้ำ
- ขี้เลื่อยสำหรับรองพื้นกล่อง แนะนำให้ใช้เป็นแบบก้อนอัดแท่ง
- วิตามินผสมน้ำเพื่อช่วยเพิ่มเติมสารอาหารที่ขาดหายไป
- แล้วอีกสิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คืออาหารแมว
การเลือกซื้อ
ควรเลือกซื้อจากผู้เลี้ยงที่มีความไว้วางใจ จะได้ไม่โดนหลอกเรื่องอายุของเม่นแคระ ทั้งเม่นแคระเล็กๆหลอกว่าอายุเยอะ ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์แยกจากแม่ ทานอาหารแมวก็ยังไม่ได้ หรือ เม่นแคระที่มีอายุมากๆ กลับหลอกขายว่าอายุน้อยๆ

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงปลาการ์ตูน


การเลี้ยงปลาการ์ตูน
เมื่อพ้นระยะอนุบาล ให้นำปลามาเลี้ยงในตู้เลี้ยงในตู้เลี้ยงที่ใหญ่ขึ้น ความหนาแน่น ประมาณ 1 ตัวต่อลิตร และเริ่มเปลี่ยนอาหารมาเป็นอาหารสด เช่น หอยลายสับหรือเนื้อกุ้งสับ หรือจะให้อาหารที่ผสมขึ้นเอง โดยค่อยๆ ลดไรน้ำเค็มลง ตู้ที่ใช้เลี้ยงต้องมีระบบกรองภายในหรือภายนอกมีการทำความสะอาดและเปลี่ยนถ่ายน้ำเป็นระยะ เข่น มีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ 20% ทุก 2 สัปดาห์สิ่งที่ต้องระมัดระวังมากในการเลี้ยงปลาการ์ตูน คือ คุณภาพน้ำและความหนาแน่น ถ้าให้อาหารมากเกินไป มีสิ่งสกปรกหมักหมมอยู่ในตู้เลี้ยงหรือมีความหนาแน่นมาก มักจะเกิดโรค โดยเฉพาะโรคที่เกิดจาก Amyloodinium Ocellatum ซึ่งเมื่อเกิดแล้วลูกปลาจะตายเกือบหมด ดังนั้นการดูแลรักษาความสะอาดและคุณภาพน้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง และความต้องการจับคู่ พ่อ-แม่พันธุ์ ควรจะนำปลาที่มีอายุประมาณ 4-6 เดือน แยกเลี้ยงเป็นพ่อ - แม่พันธุ์ต่อไป โดยปลาจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่อมีอายุได้ประมาณ 8-12 เดือน
การให้อาหาร
การเลี้ยงปลาทะเลเพื่อเลี้ยงดูสวยงามนั้น ไม่ควรให้กินอาหารเกินวันละครั้งและควรให้กินแต่พออิ่ม ไม่ควรให้ตามที่ปลาต้องการ เพราะจะทำให้เกิดของเสียมาก บางช่วงถ้าปลาไม่กินอาหารเช่นในช่วยที่อากาศเย็น จะต้องงดให้อาหารหรือลดปริมาณของอาหารลง อาหารที่ให้อาจเป็นเนื้อกุ้งสับ หอยลานสับ กุ้งเคย อาหารสำหรับปลาทะเล ฯลฯ สลับกันไป และเมื่อมีอาหารเหลือตกอยู่ก้นตู้ต้องกำจัดออก ห้ามปล่อยทิ้งไว้กับตู้โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้น้ำเกิดการเน่าเสีย




วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงปลากัด


ปลากัด
เป็นปลาประเภทสวยงาม นิยมเลี้ยงไว้ในขวดหรือเลี้ยงไว้กัดเป็นเกมส์กีฬา เพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ ธรรมชาติของปลากัดจะมีความอดทน เลี้ยงง่าย และสามารถขายได้ราคาดี มีการเลี้ยงเพื่อจำหน่ายทั้งใน และต่างประเทศ
พันธุ์ปลากัดที่นิยมเลี้ยงในบ้านเรา มีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
1. ปลากัดไทยหรือปลากัดลูกหม้อ
2. ปลากัดจีน
การเลี้ยงปลากัดต้องเลี้ยงเดี่ยวในภาชนะใส โดยใช้ขวดโหลรูปทรงกลมหรือเหลี่ยม และยังมีอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น อ่างน้ำ โอ่ง กระชอน สวิงตักลูกปลา กรวด ทราย หิน สาหร่าย เป็นต้น น้ำที่นำมาใช้เลี้ยงปลากัดต้องสะอาด โดยเฉพาะน้ำฝนเป็นน้ำที่ดีที่สุด น้ำเหล่านี้ควรพักทิ้งไว้ 2-3 วัน จึงถ่ายลงขวดที่เลี้ยง

วิธีการเพาะพันธุ์ปลากัด
นำปลากัดตัวผู้และตัวเมียใส่แยกขวด แล้วนำมาเทียบกันไว้ประมาณ 15 - 20 วัน เพื่อให้ตัวเมียพร้อมที่จะไข่
เตรียมบ่อเพาะใช้รองปูน หรือถังซีเมนต์ขนาด 0.80 เมตร ใส่น้ำให้สูงลึก 1 ฝ่ามือ แล้วใส่ต้นผักบุ้งลงไปพอประมาณ
ปล่อยพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไว้รวมกัน ทิ้งไว้จนกว่าแม่พันธุ์จะไข่ โดยสังเกตที่หวอดที่เป็นฟองอากาศ เมื่อปลาไข่แล้วจะเห็นคล้ายเม็ดสาคูที่หวอด ให้เอาแม่พันธุ์ออก แล้วปล่อยให้พ่อพันธุ์ฟักไข่ต่อไป จนกว่าปลากัดจะโตจนสามารถกินลูกน้ำได้
เมื่ออายุได้ 4-5 เดือน คัดตัวผู้ใส่ขวดเพื่อจำหน่ายหรือประดับบ้าน ส่วนตัวเมียแยกไว้เป็นแม่พันธุ์ เพราะมีลักษณะสีไม่สวยงาม ไม่สดใสซีด ตัวเล็กกว่าตัวผู้

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

การเลี้ยงกระต่ายน้อยค่ะ


ทำความรู้จักกับเจ้ากระต่ายบน้อย
ในปัจจุบัน กระต่าย เป็นสัตว์ที่นิยม เลี้ยงกันมาก ทั้งนี้ก็เพราะ ความน่ารัก และ ความสวยงาม ของเขา
และ เจ้ากระค่ายก็ ยังมีหลากหลายสี และ สายพันธุ์ ต่างๆมากมายค่ะ
อาหารกระต่าย
อาหารประเภทนี้ จะมีทั้งอาหารสดหรือ อาหารแห้ง โดยส่วนมากจะเป็น
พืชชนิดต่างๆ ซึ่งพืชที่เรานิยมที่เอามาให้กระต่ายกินกันนั้น จะเป็น หญ้าขน ผักบุ้ง และพืชตระกูลถั่วค่ะ
โรคหวัด และ โรคปอดบวม
โรคหวัดเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากแบทีเรีย ซึ่งเกิดขึ้นได้จากการติดเชื่อที่บริเวณ โพรงจมูก
โดยอาจจะติดเชื้อได้จาก สัตว์มีที่เชื่อโรคอยู่แล้ว หรือ อาจจะติดเชื่อที่ปะปนมากับอากาศ ซึ่งลักษณะของอาการของกระต่ายที่ เป็นโรคหวัดก็ คือ จะมีน้ำมูก หรือหนองเกิดขึ้นนะค่ะ

การเลี้ยงปลาหมอสี


การเลี้ยงปลาหมอสี
การเลี้ยงดู ปลาหมอสีเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย มีความ
อดทนและกินอาหารง่าย ซึ่งเป็นอาหารจำพวก ไร
ทะเล ไรน้ำนางฟ้า หนอนแดง กุ้งฝอย ปลาขนาด
เล็ก ไส้เดือน หรืออาหารสำเร็จรูป หากต้องให้ปลา
มีสีสันเด่นชัดก็อาจให้อาหารประเภทเร่งสี โดยแนะ
นำว่า ไรน้ำนางฟ้าไทย ที่มีสารเบต้าแคโรทีน
สามารถเร่งสีปลาหมอสีได้ดี นะค่ะ

แนะนำการเลี้ยงแมวเปอร์เซีย นะค่ะ


แนะนำการเลี้ยงแมวเปอร์เซีย นะค่ะ
1.แมวเปอร์เชียควรกินอาหารเกรดพรีเมี่ยม ทั้งอาหารแบบเม็ดและอาหารกระป๋อง
2.น้ำก็ให้น้ำดื่มของคนปกติ ตั้งทิ้งไว้ทั้งวัน เปลี่ยนวันละ 2 หน
3.ล้างถ้วยที่ใส่อาหารและน้ำให้สะอาดทุกครั้ง
4.มีถาดใส่น้ำไว้วางถ้วยอาหารเพื่อกันมด
5.ส่วนกระบะทราย ก็ใช้ทรายที่มีขายตามร้านขายของสัตว์เลี้ยงทั่วไป เทให้สูงหน่อย แมวจะได้ขุดหลุมอึได้
6.มีที่ตักอึแมวไว้ตักของเสียออกเช้า 1 ครั้ง เย็น 1 ครั้ง
7.ถ้าอากาศเย็น มีที่นอนให้เขาก็ดี
8.มีแปรงไว้แปรงขน
9.ส่วนแชมพู เลือกสูตรขนยาว ถ้าแมวเป็นเชื้อรา ก็เลือกสูตรที่ช่วยรักษาเชื้อรา ถ้าฤดูร้อนก็เลือกสูตรที่อาบได้บ่อย ไม่แพ้ง่าย
10.ใช้กรรไกรตัดเล็บของแมวโดยเฉพาะ
11.ใช้ยาเช็ดหูแมว คัตตัลบัท สำลี และอ๊อฟตัล (ล้างตาของคน) เอาไว้เช็ดตาให้แมว (ชุบสำลีพอหมาด ๆ เช็ดจากหัวตาไปหางตา)
วิธีเลือกซื้อ
บางคนเลือกที่พ่อแม่แมวทำวัคซีนครบ มีใบแสดงการทำให้ดู มีขี้มูกขี้ตามีไรในหูหรือเปล่า เป็นโรคผิวหนังหรือไม่ (แมวที่สวนจตุจักร มักเป็นโรค) เลือกแมวที่ร่าเริงแข็งแรงขี้เล่น เอาถูกชะตาเป็นหลัก และสังเกตุการเลี้ยงดูว่าเขาเลี้ยงแมวสะอาดหรือไม่วันที่ไปดูมีอึหรือฉี่แมวแบบไม่ค่อยเก็บหรือเปล่า และดูว่าพ่อแม่แมวกินอาหารเกรดพรีเมี่ยมหรือเปล่า นะค่ะ

การเลี้ยงหนูแฮม


วิธีการเลี้ยงหนูแฮมเตอร์
อาหารหลักที่ควรให้แฮมสเตอร์ คือ ธัญพืชโดยจะโปรยอาหารลงบนพื้นก็ได้เพราะแฮมสเตอร์ไม่มีนิสัยชอบก้มกิน มันจะชอบหยิบอหารออกมากินนอกภาชนะมากกว่า โดยใช้เท้าหน้าจับอาหารกิน แต่การใช้ภาชนะมีข้อดี คือจะทำให้เราได้รู้ว่ามันเอาอาหารออกไปกิน มากน้อยแค่ไหน ถ้ามันป่วยเราก็รู้ได้ นอกจากนี้ การใส่ภาชนะยังทำให้อาหารและขี้เลื่อยไม่ปะปนกันทำให้การเปลื่ยนขี้เลื่อยทำได้ง่ายโยไม่ต้องทิ้งอาหารที่ปนกับขี้เลื่อย สิ่งที่ควรทราบในการให้อาหารแฮมสเตอร์

1. อย่าให้ผักสด หรือผลไม้สดบ่อยๆหรือมากเกินไป การให้ผักสดควรให้แค่สัปดาห์ละครั้งเพราะอาจจะทำให้แฮมสเตอร์ท้องอืด หรือท้องเสียได้และหากมันกินไม่หมดควรจะเก็บทิ้งทันที
2. พยายามอย่าเปลื่ยนอาหารแบบทันทีทันใด ควรจะค่อยๆ เปลื่ยนอาหารโดยเอาอาหารเก่า ผสมกับอาหารใหม่ และเพิ่มอัตราส่วนอาหารใหม่ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จนแทนที่อาหารเก่าในที่สุด อย่าเปลื่ยนแบบฉับพลัน
3. อาหารที่ควรหลีกเลื่ยงช็อคโกแลต โดยเฉพาะ Dark Chocolate เพราะมีสาร Theobromine ซึ่งเป็นพิษต่อแฮมสเตอร์ได้
4. หลีกเลื่ยงผักผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยวๆ เช่น มะนาว ส้ม สับปะรด เป็นต้น
5. เราอาจจะเสริมโปรตีนให้กับแฮมสเตอร์ได้ โดยการให้อาหารเม็ดของแมวหรืออาหารสุนัขที่เป็น บิสกิต ใส่ลงไปได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งช่วยเสริมโปรตีนและยังช่วยลับฟันแฮมสเตอร์ไม่ให้ยาวเกินไปอีกด้วย
6. อาหารที่ไม่ปลอดภัยสำหรับแฮมสเตอร์ ได้แก่ หัวหอม มันฝรั่งดิบ กระเทียม น้ำอัดลม ลูกกวาด เป็นต้น
7. หลีกเลี่ยงอาหารที่แหลมคม หรือ เหนียวหนืด
8. ขนมหรืออาหารหวานๆเพราะแฮมสเตอร์แคระมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้
9. หลีกเลี่ยง อาหารเม็ดของกระต่าย เพราะบางชนิดใส่สารอาหารบางอย่างที่ช่วยกระตุ้น การเจริญเติบโตในกระต่าย แต่เป็นอันตรายต่อแฮมสเตอร์
10. หลีกเลี่ยงผักผลไม้ที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเพรา
อาหารเสริมอื่นๆ
ไข่ ,น้ำมันตับปลา,เนื้อ,อาหารเม็ด,นม
การผสมพัธุ์
การผสมพันธ์แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่มีอายุขัยสั้น มันจึงต้องแพร่พันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ อย่าผสมข้ามพันธุ์แฮมสเตอร์หากท่านยังไม่พร้อม สำหรับชีวิตน้อน ๆ อีกหลาย ๆ ชีวิตที่กำลังจะเกิดขึ้นมา ท่านมีกรงให้พร้อมหรือไม่ท่านมีเวลาเพียงพอสำหรับมันหรือไม่โปรดศึกษาแฮมสเตอร์ให้เข้าใจก่อนผสมพันธุ์ เพื่ิอให้ลูกที่เกิดออกมาแข็งแรงและไม่มีข้อบกพร่องทางพันธุ์กรรม

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553